ในช่วงปีที่ผ่านมา ถือเป็นจังหวะที่หลายๆ องค์กรถือโอกาสอัพเกรดระบบของตนเองให้พร้อมกับการก้าวสู่ยุคของ Apps Explosion ที่คาดว่าจะมีมากกว่า 500 ล้านแอพในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งในวันนี้บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) ก็ได้ร่วมกับบริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “PROEN Cloud PaaS” ที่จะย่อทุกงานบน Public Cloud ไม่ว่าจะเป็น Self Service Portal, CI/CD Integration, Automatic Scale, DBaaS และ App Platform
(รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2W2b0DS) มาอยู่บน Private Cloud อย่าง VMware เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของธุรกิจไทยในการก้าวสู่โลกของ Hybrid Cloud และ Multi–Cloud ได้อย่างมีเสถียรภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุนสูงสุด
Apps Explosion มีที่มาอย่างไร?
ในปี 2020 บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง IDC ได้ทำการประเมินไว้ว่า ภายในปี 2023 แอพพลิเคชั่นมากกว่า 500 ล้านแอพพลิเคชั่น จะถูกสร้างขึ้นและพัฒนาด้วยโครงสร้างของ Cloud Native ซึ่งระบบโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต้องรองรับการ Scale Up และ Scale Out ได้ตลอดเวลา
ที่ผ่าน Public Cloud คือทางเลือกที่หลายองค์กรนำมาใช้ เนื่องจากมีโครงสร้างขนาดใหญ่, ระบบการทำงานยืดหยุ่น สามารถรองรับการพัฒนาในอนาคตได้ และพร้อมต่อการใช้งานตลอดเวลา แต่ด้วยต้นทุนที่สูงเกินไป จึงทำให้มีการสำรวจหาแพลตฟอร์มทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าแพลตฟอร์มเดิมและที่สำคัญต้องช่วยลดต้นทุนให้มากที่สุดมาแทนที่ นั่นก็คือ Hybrid Cloud และ Multi–Cloud ซึ่งที่เป็นแนวทางที่เหมาะสมและยั่งยืนสำหรับองค์กรขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ นี่จึงเป็นที่มาของการก้าวสู่ยุค Apps Explosion อย่างเป็นทางการ
เมื่อระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว ระบบจำเป็นต้องปรับ Platform as a Service เพื่อให้ทีมนักพัฒนาสามารถ Build–Ship–Run ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เช่น CI/CD Integration หรือ Pre–configuration Template เป็นต้น
PROEN Any Cloud PaaS กุญแจสู่โลก Apps Explosion
เมื่อถึงเวลาของการปรับเปลี่ยน PROEN Cloud จึงไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาระบบ จนเกิดเป็นแพลตฟอร์ม PaaS ที่ชื่อว่า “PROEN ANY CLOUD” ทางเลือกใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร
PROEN Cloud เป็นคลาวด์ที่ให้บริการในรูปแบบ Platform–as–a–Service หรือ PaaS กล่าวคือบริการ Cloud PaaS นี้จะทำการจัดเตรียมระบบให้พร้อมใช้งานจนถึงระดับของ Environment ของระบบเลย ทำให้ Software Developer นั้นสามารถเลือกได้ว่าอยากใช้ Environment แบบใด รองรับภาษาไหน ติดตั้ง Software อะไรมาให้ใช้งานได้เลยล่วงหน้า หรืออาจจะมาในรูปแบบของการรองรับ Java, PHP, Ruby, .NET, Node.js, Python, Go ไปจนถึงการใช้ Docker และ Kubernetes ก็ได้
ตามด้วยการทำโค้ด ข้อมูล หรือ Container ที่ต้องการเสริมหรือใช้งานติดตั้งลงไป เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ซึ่งในปัจจุบัน PaaS ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะช่วยประหยัดเวลาให้กับ Software Developer ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเปิดโอกาสให้ Software Developer ได้เริ่มต้นศึกษาเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่สียเวลาไปกับจัดเตรียม Infrastructure เหมือนแต่ก่อน
สำหรับ Software Developer ที่อิงกับโครงการ Open Source อย่างเช่น WordPress, Drupal, Joomla, Magento ก็สามารถเลือก Deploy ระบบเหล่านี้ได้เลย ซึ่งบางระบบจะสามารถเลือกสร้างเป็น Cluster ที่ทำ Auto–Scaling สำหรับการใช้งานที่ต้องรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในบางช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังมีโครงสร้างให้เลือกมากมาย เช่น Node–RED, Jira, Jitsi, Jenkin และ Plesk เป็นต้น
นอกจากนี้ PROEN ANY CLOUD ยังสามารถรองรับการสร้าง Cluster ของระบบ Database ได้ ไม่ว่าจะเป็น MySQL, MariaDB, PostgreSQL และ MongoDB ดังนั้นจึงนำไปประยุกต์ใช้กับงานขนาดใหญ่ได้โดยไม่ทำให้เกิดปัญหา
“จะดีกว่าไหม! ถ้าย่อ Platform–as–a–Service ให้อยู่ใน Private Cloud
และเชื่อมกับ Public Cloud ได้เลย”
PROEN ANY CLOUD เหมาะกับใคร
-
สำหรับองค์กรที่มี Software Developer
-
มีการใช้งานทั้ง Private Cloud และ Public Cloud
-
ต้องการความคล่องตัว ประหยัดเวลาในการพัฒนาระบบ
-
คิดค่าใช้จ่าย ตามการใช้งานจริง