เจาะลึก ก้าวที่ยิ่งใหญ่สู่ความสำเร็จ ของแจ็ค หม่า

“แจ็ค หม่า” คือหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนหลายๆคนให้ความสนใจกับเส้นทางสู่ความสำเร็จของเขา . เพราะในขณะเริ่มทำธุรกิจด้าน IT และ E-Commerce เขาไม่ได้มีพื้นฐาน หรือความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์เน็ต แบบเดียวกับเจ้าพ่อไอทีคนอื่นๆแม้แต่น้อย . ในขณะที่เขาเข้าซื้อกิจการยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย เขาไม่ได้มีเส้นสายหรือความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองคนใดเป็นพิเศษแบบที่มหาเศรษฐีคนอื่นมี . แต่ทว่า ด้วยเส้นทางการใช้ชีวิตที่พิเศษ ความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา แจ็ค หม่า อดีตครูสอนภาษาอังกฤษรายได้เดือนละไม่กี่ร้อยบาท ก็ได้ผันตัวกลายเป็นมหาเศรษฐี ผู้มีทรัพย์สินกว่า 46.4 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ที่คนทั้งโลกจับตามองและให้ความสนใจ . ว่าแล้ว BorntoDev ขอนำเสนอ เรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจของชายผู้นี้กันครับผม

ชีวิตในวัยเด็ก: กับความรักในภาษาอังกฤษ

แจ็ค หม่า หรือชื่อจริง ๆ ว่า หม่า หยุน เป็นชาวจีนจากเมืองหางโจว เกิดจากครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจนในชนบท สำหรับชีวิตในวัยเด็กนั้น หากมองจากภายนอกแล้ว เจ้าพ่อผู้ให้กำเนิด Alibaba คนนี้เหมือนเด็กชายธรรมดาๆทั่วไป แต่หากได้รู้จักประวัติของเขาเข้าจริงๆ จะพบว่า แจ็ค หม่า มีความสนใจที่ไม่ธรรมดา และแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ เพราะในขณะที่เด็กทั่วไปมักใช้เวลาว่างเที่ยวเล่น แจ็ค หม่า กลับมีความชื่นชอบ มีความสนใจภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ โดยพยายามที่จะฝึกฝนภาษาอังกฤษ จากการรับอาสาเป็นไกด์แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นเวลากว่า 9 ปี เพื่อฝึกฝนภาษาจนชำนาญ 

เอนท์ไม่ติด สมัครงานไม่ได้ ล้มเหลวนี้คือบทเรียน

แม้ปัจจุบันจะเป็นซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ในอดีต แจ็ค หม่าก็ไม่ใช่เด็กเรียนเก่งอะไร เขาเอนท์ทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด ซึ่งกว่าจะเอนท์ติดก็ใช้เวลาร่วมหลายปี เขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยครูหางโจว เอกภาษาอังกฤษได้ และจบออกมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ  มีรายได้เพียงน้อยนิดเพียงเดือนละไม่กี่ร้อยบาท นอกจากนี้ แจ็ค หม่าเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเคยล้มเหลวจากการสมัครงานอยู่หลายครั้งหลายคราว เขาสมัครงานกว่า 30 แห่ง แต่ถูกปฏิเสธทั้งหมด “ผมเคยไปสมัครงานที่เคเอฟซีที่มาเปิดใหม่ มีคนสมัคร 24 คน ทั้งหมด 23 คนถูกรับเข้าทำงาน ยกเว้น ผมคนเดียว” นอกจากนี้เขายังเคยยื่นใบสมัครมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ถูกปฏิเสธกว่า 10 ครั้งเช่นเดียวกันซึ่งความล้มเหลวเหล่านี้ กลับเป็นข้อดี เพราะมันได้ทำให้เขาเกิดการเรียนรู้และมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น ความล้มเหลวที่ต้องเผชิญได้กลายเป็นแรงผลักดันพัฒนาตัวแจ็ค หม่าให้ดีขึ้น 

ธุรกิจตัวแรก Yellow Pages จุดเริ่มต้นสู่ Alibaba

แม้จะไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี หรือคอมพิวเตอร์ แต่แจ็คหม่าก็ได้ใช้โอกาสที่ได้ไปเปิดโลก จากการเดินทางเยี่ยมเพื่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้ค้นพบช่องทางการทำตลาดการซื้อขายสินค้าของประเทศจีน เมื่อได้ขอให้เพื่อนลองใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาสินค้าเป็นภาษาจีน ปรากฎว่าไม่พบผลการค้นหานั้น จึงได้เดินทางกลับประเทศจีนและตั้งบริษัท Yellow Pages ที่ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทบนอินเตอร์เน็ต บริษัทแรกของประเทศจีน ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ Taobao และ Alibaba บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำให้ แจ็ค หม่า ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งซีอีโอของบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ติดอันดับหนึ่งของจีน และเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลกในเวลาต่อมา 

กลยุทธ์เฉียบขาด กับการต่อสู้กับ ebay

ในปี 2002 ซึ่งเป็นปีที่ Alibaba เปิดตัวครั้งแรก บริษัทนี้มีผลกำไรเป็นศูนย์ แต่ด้วยกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ และความเชื่อมั่นในแบบฉบับของตัวเอง แจ็ค หม่า เดินหน้า Alibaba โดยใช้กลยุทธ์ความได้เปรียบ ความเข้าใจในวัฒนธรรมชาวจีน ในแบบที่ Ebay ไม่สามารถเข้าถึงได้ ให้ Alibaba สามารถทำธุรกิจแซงหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นฉลาม แห่งโลก E- Commerce อย่าง ebay ลงจนต้องยอมถอนตัวออกจากประเทศจีน

IPO ที่ระดมเงินได้สูงสุดในประวัติการณ์

ในปี 2002 Alibaba มีผลประกอบการเป็นศูนย์ ทว่าในปี 2012 หุ้น IPO ของ Alibaba ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้ถูกทำการซื้อขาย โดยในวันแรก หุ้น Alibaba มียอดซื้อขายพุ่งสูงถึงกว่า200 พันล้านเหรียญ(6 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการซื้อขายที่มีมูลค่ามากที่สุดของประวัติการตลาดหุ้นนิวยอร์ก ส่งผลให้ในวันนั้น แจ็ค หม่า ได้กลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งคนใหม่ของประเทศจีนในทันที และในวันนี้ Alibaba คือบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านคน ใน 240 ประเทศทั่วโลก และแจ็ค หม่า ก็ยังคงถือแนวคิด การใช้ชีวิตบนความมุมานะไม่ย่อท้อ และไม่หยุดเรียนรู้อยู่เช่นเดิม เขาเดินหน้าทำธุรกิจใหม่ๆ มีเว็บไซต์ลูกและธุรกิจรูปแบบอื่นอีกหลากหลาย ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงในระดับโลก เช่น Taobao.com , Aliexpress.com ,1688.com , Aliyun.com , Alipay.com

สุดท้ายนี้มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายใช่ไหมครับที่ใครสักคนจะก้าวจากเด็กบ้านๆ ที่ไม่มีใครรับเข้าเรียน รับเข้าทำงาน กลายมาเป็นบุคคลที่มั่งคั่งระดับต้นๆ ของโลกจนทั้งโลกต้องติดตามได้ .. แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมหละครับ ? วันนี้ให้ลองกลับไปคิดว่าทำไมคนตัวเล็กๆ อย่างเราจะประสบความสำเร็จแบบเขาไม่ได้หละ ? คิดแล้วรีบลงมือทำเลยนะครับ ความฝันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมครับผม ^_^