Skip to main content
0
Business & Marketing

สรุปงาน SEOMATE 2024

สวัสดีครับ มาอยู่กับพวกเราอีกแล้วกับแอดเอฟและแอดนิวที่งาน SEOMATE 2024 ซึ่งงานนี้จัดโดย NerdOptimize เซียนด้านการทำ SEO ที่จะพากูรูทั้งสามท่านมาแชร์ เทคนิคความรู้เจ๋ง ๆ เกี่ยวกับการทำ SEO สามารถฟังตามกันไปได้ทั้งคนทำงานเกี่ยวกับ SEO จะได้เห็นเทรนด์ต่างๆ แต่ถ้าใครไม่ได้ทำสายนี้โดยตรงเรามาเปิดโลกไปพร้อมๆ กันเลย ซึ่งตรีมในวันนี้คือ “Today’s SEO Tomorrow’s Success” SEO จะพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้ยังไงมาดูกัน #SEOMATE2024 #nerdoptimize #gangconnecter #skooldio

Session 1 : ทิศทางและอุปสรรคของ SEO ในปี 2024

สำหรับ session นี้เปิดมาด้วยหลายหลากอาชีพที่เกี่ยวกับการทำ SEO แต่ทุกตำแหน่งจะมุ่งไปที่ทำ SEO ให้รองรับเฉพาะของ Google แต่ในปัจจุบัน user จะมีช่องทางในการ search มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น TikTok, YouTube, Shopee, Lazada, Pantip, Bing อีกมากมาย แต่ตัวที่เด่นมาแต่ไกลเลยคือ Google, TikTok และ YouTube เพราะฉะนั้นคนทำ SEO ควรจะไปดูในส่วนของแพลตฟอร์มอื่นๆ ให้ครอบคลุมด้วย

แต่! ห้ามทิ้ง Google ไปนะ เพราะจากกราฟที่ speaker เอามาให้ดู Google ยังคงนำกว่า 40 % เลย แต่ที่แพลตฟอร์มอื่นแค่เพิ่มขึ้นมาเราเลยต้องปรับกลยุทธ์การทำ SEO ให้ล้อไปตามกับพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้ใช้ ให้เว็บเราครอบคลุม ดึงดูดลูกค้า เช่น เดี๋ยวจะค้นหาอะไรก็ไป TikTok กันค่อนข้างเยอะ อยากหาอาหารแมวก็ไปหาใน TikTok ก็ได้เหมือนกัน

🤔 แล้วสิ่งที่มันท้าทายสำหรับการทำ SEO ในปีนี้ล่ะ?

แน่นอนว่าเป็นเรื่องของ AI เพราะมันคือ AI Search ก็จะเป็นการที่เราไปถาม Google, ChatGPT, Bing, Gemini, Perplexity.ai, Claude หรือ Generative AI ตัวอื่นๆ เพื่อหาคำตอบนี่แหละ แทนการค้นหาผ่าน Google แบบเดิมๆ

ซึ่งใน AI บางตัวอย่าง ChatGPT ตัวฟรี มันให้คำตอบเรามาจริง แต่มันก็ไม่ได้ให้แหล่งที่น่าเชื่อถือมา แต่ถ้าเป็นฝั่งของ Gemini ของ Google หากเราลองถามไปจะเห็นได้ว่าเค้าจะมีลิงก์แนบมาด้วย ส่วนนี้แหละจะต้องเป็นส่วนที่เราต้องมาดูเพิ่มเติมว่าจะทำยังไงให้ถาม AI แล้วมันแนะนำ product ของเราออกมา

Session 2 : AI Search and SGE

สำหรับ session นี้ตัวชูโรงเลยคือ Search Generative Experience (SGE) มันคือ AI ที่เอามาช่วยให้เราค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยวันนี้ก็ครบรอบ 1 ปีละที่เปิดตัวมาและอีกไม่กี่วันก็จะถึงงาน Google I/O ต้องมาดูกันว่าจะเป็นยังไง โดยหน้าตาของเจ้า AI ช่วยหา ช่วยสรุปคำตอบที่ว่าเนี่ยมันจะหน้าตาแบบนี้

ฟีลแบบใช้ ChatGPT ในหน้าค้นหาของ Google เลย ซึ่งนอกจากถามตอบฟีล Chatbot แล้วมันยังมีความสามารถอีกนะ แอดแนะนำตามต่อใน บทความของ NerdOptimize ได้เลย https://nerdoptimize.com/search-generative-experience/

แต่มันก็มีปัญหาเพิ่มมาสำหรับคนทำ SEO คือพอมีส่วนที่เป็น SGE เข้ามาในหน้าค้นหาส่วนที่เป็นบทความเดิมๆ ก็ถูกลดพื้นที่ลง แต่ๆ เหมือนจะกระทบ แต่ต้องบอกว่า SGE ยังมีวี่แววอยู่ว่าอาจจะมีการ re-business model เพราะทาง Google จะรับค่า compute ไม่ไหว ต้องรอดู next step ในงาน Google I/O อีกครั้ง

ต่อมาจะเป็นหัวข้อย่อย ๆ ที่สนใจ ก็จะเป็นเรื่องของการเอาเจ้า AI มาปรับใช้กับงานของเราเช่นการทำคอนเทนต์ ไม่ว่าบทความเราจะเจนมาจาก AI มั้ย แต่ถ้าคอนเทนต์มันยังมีประโยชน์กับผู้ใช้อยู่ Google bot มันก็ไม่ได้มองว่าแย่ แต่ๆ เคสที่เป็น Pure AI ไม่ดีแน่ เราต้องเอาประสบการณ์ งานไอเดียของเรา ไปคุยกับ AI ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียน ช่วยกันรีวิว อันนี้แนวทางในการทำคอนเทนต์คุณภาพ ที่จะทำให้ SEO ดีไปด้วย และแน่นอนว่า AI มันจะมีการพัฒนาให้ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ มันก็จะทำให้ search experience ดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง แบบว่าถาม AI แล้วก็เจอ product เราเลย แบบนี้เราแฮปปี้ ลูกค้าก็แฮปปี้

Session 3 : E-E-A-T

E-E-A-T สาย SEO ผมเชื่อว่าต้องรู้จักคำนี้ดี เพราะ speaker ถามว่าใครไม่รู้จักบ้าง ไม่มีใครยกมือ 😂 แต่เดี๋ยวมาอธิบายนิดนึงสำหรับคนที่ยังไม่เคยเจอคำนี้มาก่อน

E-E-A-T มันคือตัวปัจจัยที่ Google Search เอามาดูว่าเว็บของเรามีคุณภาพมากแค่ไหนนี่แหละ โดยไอเจ้า 4 ตัวมีองค์ประกอบดังนี้

  • Experience (ประสบการณ์) เป็นคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจากคนที่มีประสบการณ์โดยตรง ไม่ใช่เขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่อยู่ในเว็บสอนเขียนโปรแกรมอะไรแบบนี้
  • Expertise (ความเชี่ยวชาญ) เป็นแบบว่าเว็บของเราทำคอนเทนต์ด้านนี้ลึกแค่ไหน เยอะแค่ไหน ฟีลแบบเว็บ borntodev ทำแต่เกี่ยวกับด้านการเขียนโปรแกรม ทั้งบทความ วิดีโอ สั้นยาวต่างๆ พอมี keyword เกี่ยวกับด้านนี้เว็บเราก็จะติดเป็นอันดับแรกๆ
  • Authoritativeness (อิทธิพล) พอเราเชี่ยวชาญ เราเก่งอย่างนู้นอย่างนี้แล้วก็จะมีคนพูดถึง พอมีเว็บที่อ้างถึงเราก็จะได้ Backlink ที่ดี ส่งผลกับ SEO ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
  • Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ) เป็นปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญมากที่สุด เว็บของเรามีช่องทางการติดต่อหรือป่าว ที่อยู่มีจริงๆ มั้ย ได้ใส่เบอร์โทร อีเมล หรือข้อมูลช่ Social Media ต่างๆ ไว้หรือป่าว

ซึ่งต้องบอกว่ารายละเอียดของ E-E-A-T จะมีค่อนข้างเยอะ แนะนำให้อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ https://nerdoptimize.com/eat-ranking-factor/

นอกจากนั้นยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ “การใช้วิดีโอมาช่วยสำหรับ E-E-A-T “ 📹

ลองนึกภาพว่าในวิดีโอที่เราทำมันช่วยแสดงให้เห็นถึง Expertise, Experience เรามีความรู้และเข้าใจหัวข้อนั้น แล้วเรื่องของ Authoritativeness และ Trustworthiness ก็จะค่อยๆ ตามมา

แต่ถ้าเราบอกว่า เห้ย YouTube มันต้องใช้ต้นทุนในเรื่องของ Production เยอะนะ ก็เริ่มจากคลิปสั้น TikTok, Reel, Short อันนี้คือหยิบมือถือมาถ่าย ตัด ลงได้เลย แถมผู้ใช้ค่อนข้างชอบคลิปสั้นด้วย แถม Google เค้าก็มีเทคโนโลยีที่เป็น Voice Search ที่เอาสิ่งที่เราพิมพ์ค้นหา พวก Keyword ต่าง ๆ ไปหาในตามพวกวิดีโอได้ จะเห็นได้ว่าตอนที่เราพิมพ์ๆ หาใน Google ก็จะมีวิดีโอเด้งขึ้นมา

Technical SEO ส่วนที่เดฟอย่างเรารอคอย

สำหรับส่วนนี้มีส่วนที่น่าสนใจ 2 เรื่องคือ “Feature snippet” กับ “canonical tag”

  • Feature snippet จะเป็นส่วนสั้นๆ ที่เราใส่ keyword ค้นหาไปแล้วมันมีคำตอบสั้นๆ แบบภาพด้านล่างมาให้ ข้อดีคือได้คำตอบเลย แต่ข้อเสียคือคนไม่กดเข้ามาในเว็บ 😂
  • canonical tag : เว็บของเราถ้ามีหลายๆ หน้า Google Bot ไปไต่หมดอาจจะเยอะเกินไป จะดีกว่าไหมถ้าเราบอกได้ว่าหน้าไหนสำคัญ หน้าไหนต้องการให้เห็น เราสามารถใส่ แท็ก (rel=“canonical”) เข้าไปเพื่อบอกว่าให้โฟกัสหน้านี้นะได้ ช่วยลดปัญหา Duplicate คอนเทนต์และส่งผลดีต่อ SEO

Session 4 : Backlink & Online PR

สำหรับ session นี้จะพูดถึงการทำงานระหว่างทีม SEO กับทีม PR ว่าด้วยเรื่องของ Backlink ซึ่งเจอ Backlink เป็นการที่ทำยังไงให้เว็บอื่นมีการพูดถึงเว็บของเรา ด้วยการที่เราทำหน้าเว็บดี เขียนบทความคุณภาพ ก็จะมีคนมาอ้างอิงให้ เช่น อยากอ่านเพิ่มเติมเกี๋ยวกับ Backlink สามารถจิ้มที่ลิงก์นี้ได้เลย https://nerdoptimize.com/what-are-backlinks/

โอเค! เราเข้าใจ Backlink กันไปแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าวิธีการทำให้ Backlink มีประสิทธิภาพกัน

  1. ทำ Competitor Backlink: โดยต้องบอกว่ามี Tools ด้านการทำ SEO ค่อนข้างเยอะ แต่เราจะต้องทำให้บทความเราดีกว่าคู่แข่ง ซึ่งเทคนิคก็คือสร้าง Hub ตัวอย่างเช่นมีบทความ A B C D แล้วมีการเขียนที่เชื่อมโยงคอนเทนต์กัน มันก็จะกลายเป็น Hubทำให้ SEO เราดี
  2. Linkable Assets: การทำบทความที่ดีมากๆ แล้วคนแชร์ไป แล้วเราก็มาอัปเดตบทความนั้นทุกๆ ปีแบบนี้เราจะได้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ SEO จะดีขึ้นเรื่อยๆ
  3. Guest Post ขอเอาบทความไปลงตามที่ต่างๆ อาจจะมีการดีล เช่นผมเอาบทความไปลงในเว็บของพี่ พี่เอามาลงในเว็บของผมอะไรประมาณนี้ ก็จะได้ backlink ที่ดี

และนี่ก็เป็นเกร็ดความรู้ดีๆ ที่พวกเราแอดเอฟ แอดนิว ได้มาเรียนรู้จากงาน SEOMATE 2024 แล้วหยิบมาฝากเพื่อนๆ ชาว BorntoDev กันนะครับ สามารถติดตามรายละเอียดหรืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ SEO แบบเจาะลึกที่เว็บของ NerdOptimize ได้ที่ลิงก์นี้เลย 👉 https://nerdoptimize.com/

Sirasit Boonklang

Author Sirasit Boonklang

More posts by Sirasit Boonklang

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้สำหรับการติดตามทางการตลาด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นในการใช้งานเพื่อการวิเคราะห์ และ นำเสนอโปรโมชัน สินค้า รวมถึงหลักสูตรฟรี และ สิทธิพิเศษต่าง ๆ คุณสามารถเลือกปิดคุกกี้ประเภทนี้ได้โดยไม่ส่งผลต่อการทำงานหลัก เว้นแต่การนำเสนอโปรโมชันที่อาจไม่ตรงกับความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า