React เป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้สร้าง User Interface (UI) โดยมุ่งเน้นการสร้าง UI ที่มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์ โดยใช้ Component-based architecture ซึ่งช่วยให้การพัฒนาและจัดแจงตัวโค้ดให้เป็นสัดเป็นส่วนและมีประสิทธิภาพ
React คืออะไร?
React เป็นไลบรารี JavaScript ที่พัฒนาโดย Facebook เพื่อช่วยสร้าง User Interface (UI) ที่มีประสิทธิภาพ โดย React มุ่งเน้นการสร้าง Component ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ UI ที่สามารถใช้ซ้ำได้ และแต่ละ Component สามารถเก็บสถานะ (state) และเมทอด (methods) ต่างๆ เพื่อการจัดการกับข้อมูลและการแสดงผล
React ควรใช้กับงานประเภทไหน?
React เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเว็บที่มีขอบเขตใหญ่หรือซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการในการจัดการข้อมูลแบบ Real-time หรือการสร้าง UI ที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เช่น เว็บแอปพลิเคชันสำหรับการซื้อขาย, เกม, แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ เป็นต้น
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มใช้ React
- HTML: React จะใช้ JSX (JavaScript XML) เป็นส่วนหนึ่งของโค้ด ดังนั้นความเข้าใจใน HTML จะช่วยให้สามารถสร้างและจัดการ Element ใน React ได้อย่างเหมาะสม
- CSS: React ไม่ได้รวม CSS เข้าไปในตัวมันเอง ดังนั้นความเข้าใจใน CSS จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสไตล์และการจัดการกับสไตล์ของ Component ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- JavaScript (ES6+): React เป็นไลบรารี JavaScript ดั้งนั้นความเข้าใจใน JavaScript ซึ่งรวมถึงรูปแบบใหม่ของ ES6+ จะช่วยให้คุณสามารถเขียนโค้ด React ได้อย่างเหมาะสม
- การใช้งาน Component-based Architecture: React ใช้แนวคิด Component-based ซึ่งคือการแบ่งโค้ดออกเป็น Component เล็กๆ ที่สามารถใช้ซ้ำได้ การเข้าใจแนวคิดนี้จะช่วยให้สามารถออกแบบและสร้าง Component ให้เหมาะสมกับโครงสร้างของแอปพลิเคชัน
- การจัดการสถานะ (State Management): React มีวิธีการจัดการสถานะของ Component ซึ่งมีหลายวิธี เช่น useState, useContext, Redux ฯลฯ การรู้จักและเลือกใช้วิธีการจัดการสถานะที่เหมาะสมกับโปรเจคของคุณจะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่น
- การใช้งานการเรียก API (HTTP Requests): โดยทั่วไป React ใช้ API เพื่อการเรียกข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ การทราบเกี่ยวกับการเรียก API และการจัดการข้อมูลที่ได้รับกลับจาก API จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน React
- เครื่องมือพัฒนา (Development Tools): ความเข้าใจในเครื่องมือพัฒนาที่ใช้ในการสร้างและทดสอบแอปพลิเคชัน React เช่น npm, yarn, webpack, Babel, ESLint, ฯลฯ จะช่วยให้คุณสามารถจัดการโค้ดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การทดสอบ (Testing): การทดสอบเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาโปรแกรม การรู้จักและใช้เครื่องมือสำหรับการทดสอบ Component และการทดสอบอื่นๆ จะช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพของโค้ด
ข้อดี-ข้อเสียของ React
ข้อดี
- ประสิทธิภาพสูง: React มี Virtual DOM ที่ช่วยลดการทำงานกับ DOM จริง ทำให้มีประสิทธิภาพการแสดงผล UI ที่ดี
- Component-based: เป็นการสร้าง UI ที่มีความยืดหยุ่น และสามารถใช้ซ้ำได้
- การจัดการสถานะของ Component: React ช่วยให้การจัดการสถานะของ Component เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
- การเรียนรู้และความซับซ้อน: React อาจมีความซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยใช้ Component-based architecture มาก่อน
- สถานะ (state) ที่ซับซ้อน: การจัดการสถานะที่ซับซ้อนอาจทำให้โค้ดซับซ้อนขึ้น
การติดตั้งและใช้งาน React
การติดตั้งและใช้งาน React มีขั้นตอนดังนี้:
- ติดตั้ง Node.js และ npm (หรือ yarn)
- หากยังไม่ได้ติดตั้ง Node.js ให้ไปที่เว็บไซต์ https://nodejs.org/ และดาวน์โหลดและติดตั้ง Node.js
- npm จะถูกติดตั้งพร้อมกับ Node.js ถ้าใช้เวอร์ชันที่เป็นมาตรฐาน
- หรือถ้าจะใช้ yarn สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งจาก https://classic.yarnpkg.com/
- สร้างโปรเจค React
- เปิด Terminal หรือ Command Prompt แล้วเข้าไปยังโฟลเดอร์ที่คุณต้องการสร้างโปรเจคใหม่
- ใช้คำสั่ง npx create-react-app my-app เพื่อสร้างโปรเจค React ใหม่ โดย “my-app” เป็นชื่อโปรเจคที่คุณสามารถเปลี่ยนได้ตามต้องการ
- เริ่มต้นใช้งาน
- เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ให้เข้าไปยังไดเรกทอรีของโปรเจค และใช้คำสั่ง
npm start
หรือyarn start
เพื่อเริ่มต้นเซิร์ฟเวอร์และเปิดแอปพลิเคชัน React ในเบราว์เซอร์
- เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ให้เข้าไปยังไดเรกทอรีของโปรเจค และใช้คำสั่ง
- เริ่มต้นแก้ไข
- ไฟล์ที่สำคัญสำหรับการแก้ไขคือ src/App.js ซึ่งเป็น Component หลักของแอปพลิเคชัน React
- คุณสามารถแก้ไขหรือเพิ่ม Component และโค้ดต่างๆ ในโฟลเดอร์ src เพื่อปรับแต่งแอปพลิเคชันตามต้องการ
- จัดการ Dependencies
- หากคุณต้องการเพิ่มไลบรารีหรือ dependencies อื่นๆ ในโปรเจค React ของคุณ ให้ใช้คำสั่ง
npm install <package-name>
หรือyarn add <package-name>
- เมื่อติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ คุณสามารถ Import และใช้งานไลบรารีที่ติดตั้งไว้ในโค้ดได้
- หากคุณต้องการเพิ่มไลบรารีหรือ dependencies อื่นๆ ในโปรเจค React ของคุณ ให้ใช้คำสั่ง
- การ Build และการ Deploy
- เมื่อคุณเสร็จสิ้นการทำโปรเจคแล้ว และต้องการนำแอปพลิเคชัน React ของคุณไปยัง production ให้ใช้คำสั่ง
npm run build
หรือyarn build
เพื่อสร้างไฟล์ production-ready - ไฟล์ที่สร้างจะถูกเก็บในโฟลเดอร์ build ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้งานหรือนำเข้าไปยังเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น production ได้
- เมื่อคุณเสร็จสิ้นการทำโปรเจคแล้ว และต้องการนำแอปพลิเคชัน React ของคุณไปยัง production ให้ใช้คำสั่ง
แนะนำ library สำหรับใช้งานร่วมกับ React
- Redux: สำหรับจัดการสถานะของแอปพลิเคชันขนาดใหญ่
- React Router: สำหรับจัดการเส้นทางของแอปพลิเคชัน
- Axios: สำหรับการทำ HTTP requests
- Styled-components: สำหรับการสร้าง CSS ใน JavaScript
- Material-UI หรือ Ant Design: สำหรับ component library ที่มีองค์ประกอบ UI พร้อมใช้งาน
วิธี Import library
เพื่อใช้งาน library กับ React สามารถทำได้โดยการ Import ไลบรารีดังนี้
import React from 'react';
import ReactDOM from 'react-dom';
import { useState } from 'react'; // Import ตัว useState เพื่อใช้งาน
import axios from 'axios';
import { BrowserRouter as Router, Route, Switch } from 'react-router-dom'; // Import ตัว Router, Route, Switch จาก react-router-dom
import styled from 'styled-components'; // Import styled-components เพื่อใช้สร้าง CSS ใน JavaScript
import { createStore } from 'redux'; // Import createStore จาก redux
นอกจากนี้ยังสามารถ Import Component ที่สร้างขึ้นมาเองหรือจากไลบรารีอื่น ๆ ได้โดยใช้คำสั่ง import ตามด้วยชื่อ Component หรือไลบรารีที่ต้องการใช้งาน แล้วตามด้วย path ของไฟล์ที่เก็บ Component นั้น ๆ
import MyComponent from './MyComponent'; // Import Component ที่สร้างขึ้นเอง
import AnotherComponent from 'another-library/AnotherComponent'; // Import Component จากไลบรารีอื่น
React เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ การใช้งาน React ร่วมกับไลบรารีและเครื่องมืออื่น ๆ จะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ