สรุปสั้น ๆ
หลายครั้งเวลาสมัครงานคนมักจะเข้าใจผิดคิดว่า CV และ Resume นั้นคืออย่างเดียวกัน ซึ่งถ้าเป็นในไทยแล้วก็คงจะไม่ค่อยแปลกอะไร แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 อย่างนี้เป็นคนละอย่างกันทุกคน เดี๋ยววันนี้เราจะมาเล่าให้ชาวเดฟฟังกัน
ถึงแม้ว่า CV และ Resume จะดูคล้ายกันแต่จริง ๆ แล้วหน้าตาต่างกัน การใช้งานก็ต่างกัน แค่จะต่างยังไงมาดูที่ความหมายคร่าว ๆ กันก่อน
เขียนโดย
Tanawat Kusungnoen
Community Lead
บทความนี้ตีพิมพ์ และ เผยแพร่เมื่อ 25 มกราคม 2566
CV คืออะไร ?
CV หรือ Curriculum Vitae มีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินที่แปลประมาณว่า “ประวัติชีวิต” นิยมเขียนเพื่อบอกเล่าประวัติของเราในการใช้สมัครงาน โดยเราจะเขียนแบบ “ละเอียด” มาก ๆ เพราะว่าตัว CV สามารถยาวได้มากกว่า 1 หน้า (จะยาวเป็น 10 หน้าก็ไม่มีใครว่า!!)
ซึ่งสาเหตุที่มันยาวเพราะเราจะต้องเขียนไล่ตามไทม์ไลน์การเรียน การทำงาน การรับรางวัล การสอบเพื่อรับใบ Certificate ต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด และที่สำคัญ ! อย่าลืมว่าต้องลงรายละเอียดให้ครบถ้วนมากที่สุด
แล้ว Resume ต่างกันยังไงล่ะ ?
Resume แปลว่ากลับมาเล่นต่อจากที่กด Pause ไว้ แฮร่ ! ไม่ใช่ แต่เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ประวัติโดยย่อ” ซึ่งก็ตามชื่อเลยนั่นก็คือเราจะย่อประวัติโดยสังเขปหรือคัดเอาเฉพาะที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้องกับงานหรือตำแหน่งนั้น ๆ ไว้ใน 1 หน้ากระดาษเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ Resume ต่างจาก CV นั่นก็คือ Resume จะเป็นเหมือน CV ฉบับย่อให้ได้ใจความหรือคัดเอาเฉพาะทักษะที่จำเป็นกับงานนั้น ๆ มานำเสนอ ซึ่ง CV ทำครั้งเดียวเราใช้ไปได้ตลอด แต่ Resume จะต้องทำใหม่เรื่อย ๆ ตามความจำเป็น แต่โดยส่วนมากในไทยจะไม่ค่อยรู้จัก CV เพราะว่าใช้กันแค่ Resume ซะมากกว่า ส่วน CV จะไปนิยมในต่างประเทศ
แล้วเราควรใช้อะไรเวลาสมัครงาน ?
จริง ๆ ถ้าถามว่าแค่ Resume นั้นพอมั้ย คำตอบคือก็พอครับ เพราะในไทยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ แต่ถ้าอยากให้แนะนำอยากแนะนำให้ทำ CV เก็บไว้ด้วย เพราะข้อมูลจะมีครบกว่า และถึงยังไงเราก็ทำครั้งเดียวเก็บไว้ใช้ได้ยาว ๆ ไม่ต้องออกแบบอะไรให้สวยหรู แค่อัปเดตให้เป็นปัจจุบันอยู่ตลอดก็โอเคแล้ว และอีกอย่างเผื่ออนาคตใครได้มีโอกาสทำงานกับบริษัทต่างประเทศจะได้มีไว้ใช้ด้วยนั่นเอง
ถ้าเราอยากจะเขียนทั้ง CV หรือ Resume ควรจะเขียนยังไงดี ?
ถึงจะมาจากข้อมูลก้อนเดียวกันแต่ก็เขียนละเอียดต่างกัน เพราะงั้นเรามาดูกันที่ CV กันก่อนว่าควรจะมีหัวข้ออะไร เขียนแบบไหนบ้าง
1.ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information)
-
- ข้อมูลบุคคล (Personal Details) เป็นส่วนของข้อมูลส่วนตัวซึ่งจะประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่เป็นหลัก ส่วนเรื่องเพศ, สัญชาติ, เชื้อชาติ จะแล้วแต่ว่าที่ไหนให้ใส่หรือไม่ใส่
- ช่องทางติดต่อ (Contact) ใส่อีเมลและเบอร์โทรสำหรับติดต่อ อย่าลืมใช้อีเมลที่เป็นทางการได้แล้วนะ ไม่ใช่มาแบบ inwza, eiei, 007 บลา ๆ อันนี้มันจะดูไม่โปรเอา
2.ประวัติการศึกษา (Education) ใส่ข้อมูลการศึกษาให้ชัดเจน โดยเรียงลำดับเอาปัจจุบันหรือล่าสุดขึ้นก่อน
-
- ชื่อสถานศึกษา
- ปีการศึกษา
- ชื่อสาขา/ภาคที่ศึกษา
- เกรดเฉลี่ย (อันนี้แล้วแต่ว่าใครอยากอวดมั้ย ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
3.ทักษะความสามารถ (Technical Skills/Hard Skills/Soft Skills) เป็นช่วงขายของที่สำคัญจุดแรกว่าเรามีทักษะอะไร ชำนาญมากน้อยแค่ไหน
-
- ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร
- ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม
- ทักษะเสริมด้านอื่น ๆ
4.ประสบการณ์ทำงาน (Professional Experiences) จุดขายของจุดที่ 2 ว่าเราเคยฝึกงานหรือทำงานเป็นอะไร ที่บริษัทไหนบ้าง
-
- ชื่อบริษัท
- ตำแหน่งที่ทำงาน
- ระยะเวลาที่ทำงาน
- หน้าที่ที่รับผิดชอบ รายละเอียดงานที่เราทำ
5.ประสบการณ์การทำวิจัย (Research Experiences) สำหรับใครที่เรียน ป.โท หรือได้มีโอกาสทำงานวิจัยก็สามารถเอามาเขียนได้เลย
6.ผลงานตีพิมพ์ (Publications) กรณีใครที่มีงานตีพิมพ์ทางวิชาการนี่ดีมาก สามารถเอามาใส่ได้เหมือนกัน
-
- ชื่อหัวข้อผลงานที่ตีพิมพ์
- ชื่อวารสาร
- ปีที่ตีพิมพ์
7.ใบประกาศนียบัตร (Certificate) สำหรับใครเป็นสายสอบใบ Certificate หรือเข้าอบรมนั่นนี่สามารถเอามาใส่ในหัวข้อนี้ได้เลย
-
- ชื่อหัวข้อที่อบรม/ชื่อการสอบ
- ช่วงเวลาที่สอบ (ควรต้องใส่เพราะใบ Certificate ส่วนใหญ่มีอายุจำกัด)
8.รางวัลที่ได้รับ (Honors and Awards) สำหรับใครที่เป็นสายแข่งขัน ประกวด หรือเข้าร่วมชิงรางวัลแล้วได้รับรางวัลมาก็สามารถเขียนในหัวข้อนี้ได้เลย
9.กิจกรรมช่วยเหลือสังคม (Volunteer/Affiliations) ใครที่ชอบไปค่ายจิตอาสา ช่วยเหลือสังคม จริง ๆ ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าอยู่ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง หรืออยากนำเสนอให้เห็นถึง Soft Skill เรื่องความมีน้ำใจ หรือการทำงานเป็นทีมก็จัดไว้ในหัวข้อนี้เลย
ส่วนใครอยากได้ Template สำหรับทำ CV สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่เลย : https://docs.google.com/presentation/d/1euq_4flofibB0rufN6EZSU6I34YodbJBa8iiW6CBxYI/edit?usp=sharing
มาต่อกันที่ Resume เลยดีกว่า ซึ่งพอเรามี CV แล้วเนี่ยการทำ Resume ก็ดูจะเป็นเรื่องง่ายไปเลย (แต่แค่ต้องทำใหม่รอบต่อรอบน่ะนะ 😂) เพราะอย่างที่เราบอกไปการทำ Resume ก็คือการย่อประวัติจากเวอร์ชัน CV ให้สั้นลง เพื่อให้สามารถเขียนให้จบได้ภายใน 1 หน้ากระดาษ โดยหัวข้อที่เราควรจะเขียนก็จะมีดังนี้
1.ข้อมูลส่วนตัว (Profile)
-
- ข้อมูลบุคคล (Personal Details) เป็นส่วนของข้อมูลส่วนตัวซึ่งจะประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่เป็นหลัก ส่วนเรื่องเพศ, สัญชาติ, เชื้อชาติ จะแล้วแต่ว่าที่ไหนให้ใส่หรือไม่ใส่
- ช่องทางติดต่อ (Contact) ใส่อีเมลและเบอร์โทรสำหรับติดต่อ อย่าลืมใช้อีเมลที่เป็นทางการได้แล้วนะ ไม่ใช่มาแบบ inwza, eiei, 007 บลา ๆ อันนี้มันจะดูไม่โปรเอา
- เกี่ยวกับฉัน (About Me) เป็นส่วนที่เอาไว้อธิบายถึงตัวเองคร่าว ๆ ถึงความถนัด ความชอบ หรืออาจจะอธิบายเหตุผลว่าทำไมเราถึงอยากเข้ามาทำงานตำแหน่งนี้ที่บริษัทนี้
2.ประวัติการศึกษา (Education) ใส่ข้อมูลการศึกษาให้ชัดเจน โดยเรียงลำดับเอาปัจจุบันหรือล่าสุดขึ้นก่อน โดยใน Resume เราสามารถย่อให้สั้นลงได้ ไม่จำเป็นต้องเอาตั้งแต่ประถมหรือมัธยม อาจจะเริ่มต้นที่มัธยมปลาย-ปริญญาตรี หรือปริญญาตรีขึ้นไปสำหรับคนทำงานมาสักระยะนึงแล้ว
-
- ชื่อสถานศึกษา
- ปีการศึกษา
- ชื่อสาขา/ภาคที่ศึกษา
- เกรดเฉลี่ย (อันนี้แล้วแต่ว่าใครอยากอวดมั้ย ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
3.ทักษะความสามารถ (Technical Skills/Hard Skills/Soft Skills) เป็นช่วงขายของที่สำคัญแบบที่บอกไป แต่ตรงนี้หลายคนมักติดใส่ความถนัดหรือความชำนาญแต่ละตัวเป็นหลอดพลัง ซึ่ง HR หลายที่ไม่ชอบใจเพราะมันไม่ค่อยบอกรายละเอียดเท่าไหร่ ดังนั้นแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ให้อธิบายไปเลยว่าเราชำนาญขนาดไหน หรือไม่งั้นก็เขียนแค่ชื่อหัวข้อไปเลยให้ประหยัดพื้นที่ แล้วเอาไปเขียนเล่าช่วงประสบการณ์ทำงานเพิ่มเติมจะดีกว่า
-
- ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร
- ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม
- ทักษะเสริมด้านอื่น ๆ
4.ประสบการณ์ทำงาน (Professional Experiences) ใส่ประวัติว่าเราเคยฝึกงานหรือทำงานเป็นอะไรที่บริษัทไหนบ้าง
-
- ชื่อบริษัท
- ตำแหน่งที่ทำงาน
- ระยะเวลาที่ทำงาน
- หน้าที่ที่รับผิดชอบ รายละเอียดงานที่เราทำ
จะสังเกตว่าใน Resume นั้นตัดออกไปค่อนข้างหลายหัวข้อเลย ซึ่งจริง ๆ ใครที่มองว่าอยากใส่พวก Honors/Awards/Certificates ถ้าเป็นอันที่ดูเกี่ยวข้องหรือสำคัญกับตำแหน่งนั้น ๆ ก็สามารถใส่ได้อยู่นะครับ
ส่วนใครที่อยากได้ Template แบบไม่เน้น Design จ๋าเหมือนฝั่งงานออกแบบล่ะก็ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่เลย : https://docs.google.com/presentation/d/1qWWZCsA_vZagAwu2SZo-DcEP1SKWHDi1e_nOIm5OYLU/edit?usp=sharing
และนี่ก็คือความแตกต่างระหว่าง CV และ Resume นั่นเอง มาถึงตรงนี้คิดว่าทุกคนน่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว และก็หวังว่า Template ของเราจะช่วยให้การทำ CV และ Resume ของทุกคนนั้นง่ายขึ้น สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวสมัครงานอยู่แล้วแวะเข้ามาอ่านบทความนี้ ผู้เขียนก็ขออวยพรให้สมหวังได้งานที่อยากได้กันถ้วนหน้าน้าาาาาา
ระบบฝึกทักษะ การเขียนโปรแกรม
ที่พร้อมตรวจผลงานคุณ 24 ชั่วโมง
- โจทย์ปัญหากว่า 200 ข้อ ที่รอท้าทายคุณอยู่
- รองรับ 9 ภาษาโปรแกรมหลัก ไม่ว่าจะ Java, Python, C ก็เขียนได้
- ใช้งานได้ฟรี ! ครบ 20 ข้อขึ้นไป รับ Certificate ไปเลย !!